ต้อนรับซัมเมอร์อย่างเป็นทางการ ช่วงที่ทุกคนออกไปเที่ยวทะเล เล่นน้ำ หรือสนุกไปกับกิจกรรมกลางแจ้งในสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะเดือนเมษายนที่กำลังจะมาถึง บริเวณประเทศไทยมีดวงอาทิตย์อยู่เกือบตรงศีรษะในเวลาเที่ยงวัน ทำให้ได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์เต็มที่ สภาวะอากาศจึงร้อนอบอ้าวทั่วไป และเนื่องจากเป็นฤดูที่ทุกคนมักออกไปทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ สิ่งที่ต้องเจอ คือ รังสีอัลตร้าไวโอเลต (ultraviolet) หรือที่เราเรียกสั้นๆว่า รังสี UV จากดวงอาทิตย์ ขึ้นชื่อว่าประเทศไทยยังไงก็ต้องเจอ UV ทุกวันนี้ อาจทำร้ายสุขภาพดวงตาของเราได้ตลอดเวลา ครั้งนี้ WALTZ ขอมาพูดเกี่ยวกับ อันตรายจากรังสี UV ที่มาผลต่อดวงตาให้ทุกคนได้ทราบ จะได้เตรียมตัวหยิบแว่นกันแดดมาใส่ตลอดเวลา
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับ UV กันก่อน โดยทั่วไปแล้วนั้นเราสามารถมองเห็นแสงที่ความยาวคลื่น 400-700 nm. ซึ่งรังสี UV นั้นเป็นรังสีที่มีพลังงานสูงและความยาวคลื่นต่ำกว่า 400 nm. โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท
1. UV A ความยาวคลื่น 320-400 nm. เป็นรังสีที่มีพลังงานต่ำ แต่สามารถทะลุผ่านกระจกตา เข้าไปสู่เลนส์ตาและจอตาได้ การได้รับรังสีชนิดนี้เป็นปริมาณมากอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดต้อกระจกได้
2. UV B ความยาวคลื่น 280-320 nm ถูกกรองโดยชั้นโอโซนได้บางส่วน มีผลต่อกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน (melanin) ทำให้สีผิวคล้ำขึ้นและอาจผิวหนังไหม้ได้
3. UV C ความยาวคลื่น 100-280 nm เป็นรังสียูวีที่มีพลังงานสูงที่สุดและสามารถก่อให้เกิดอันตรายกับผิวหนังและดวงตาได้มากที่สุด
โดยบนโลกของเรามักพบ UV A เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเยื่อบุตา และเลนส์แก้วตาของเรา
อันตรายของรังสี UV ที่มีผลต่อดวงตา มีทั้งหมด 3 อย่างด้วยกันที่ทุกคนควรระวัง
1. เมื่อโดน UV นานๆ อาจทำให้เกิดโรคต้อลมและต้อเนื้อ
- โรคต้อลม เป็นการเสื่อมของเยื่อบุตา ซึ่งสาเหตุมาจากการระคายเคืองของเนื้อเยื่อ เช่น ลม สิ่งแปลกปลอม ทำให้ถูกกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อเยื่อเพิ่มขึ้น โดยรังสียูวีจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดต้อลมหนาตัวมากยิ่งขึ้น ทำให้มีอาการตาแห้งและระคายเคือง
- โรคต้อเนื้อนั้นคือเยื่อบุตาขาวที่ได้รับความระคายเคืองอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยเนื้อเยื่อจะเจริญและลุกลามอย่างรวดเร็วเข้าสู่บริเวณกระจกตาโดยรังสี UV เป็นตัวกระตุ้น ซึ่งจะไปบังแสงที่จะเข้าสู่ดวงตาทำให้การมองเห็นแย่ลงได้ วิธีการรักษา ต้องทำการผ่าตัดเลาะเนื้อเยื่อออก
2. เมื่อโดน UV เป็นเวลานานๆ อาจทำให้ตาบอดได้
ปกติในจอตาของเราทุกคนจะมีเม็ดสีตามธรรมชาติเพื่อช่วยปกป้องจอตา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ถ้าดวงตาของเราได้รับรังสียูวีในปริมาณมากเกินไปเป็นเวลานาน ก็สามารถทำลายเรตินา (Retina) หรือจอตาอย่างรุนแรงได้ ทำให้จอตาเสื่อม และอาจนำไปสู่อาการตาบอดถาวร
3. กระจกตาอักเสบ
อาการกระจกตาอักเสบพบบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ โดยผู้ป่วยจะมีอาการแสบตา น้ำตาไหล แพ้แสง ตาแดง ซึ่งเป็นอาการตาอักเสบระยะแรกๆ ก่อนจะลามไปเป็นต้อเนื้อ ต้อลม หรือต้อกระจก หากยังปล่อยให้รังสียูวีทำร้ายดวงตาต่อไปนาน ๆ
เมื่อรู้สึกผิดปรกติ หรือแสบร้อนบริเวณดวงตา ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที่ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของดวงตา และผู้ที่ใช้สายตาในการทำงานเป็นเวลานานๆ อย่านิ่งนอนใจ หมั่นพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจดวงตา UV เข้าสู่ดวงตาเราได้นั้น ต้องใช้แว่นกันแดดช่วยให้ UV ไม่สามารถมาทำลายดวงตาของเราได้
Comments