โดยปกติแล้ว เด็กควรตรวจวัดสายตาทุก 6 เดือน และผู้ใหญ่ควรตรวจวัดสายตาทุก ๆ ปี เพื่อให้รู้ว่าสายตามีความผิดปกติหรือไม่ หรือมีค่าสายตาที่เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน และควรรักษาหรือแก้ไขอย่างไรต่อไป
เนื่องจากการใช้แว่นที่ไม่ตรงกับค่าสายตา จะทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักขึ้น แม้ว่าช่วงเด็กหรือวัยรุ่น อาจจะไม่รู้สึกอะไร เพราะกล้ามเนื้อตามีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมาก แต่เมื่ออายุมากขึ้นกล้ามเนื้อตาส่วนนี้จะมีความแข็งแรงน้อยลง และเป็นสาเหตุหลักที่ผู้ใหญ่มีอาการสายตายาว และมีปัญหาการมองใกล้นั่นเอง
ที่ WALTZ เราใช้ DNEye Scanner เครื่องวัดสายตาลิขสิทธิ์จาก Rodenstock แบรนด์ระดับโลกจากเยอรมัน ซึ่งมีความแม่นยำสูงสุดในปัจจุบัน และยังมีนวัตกรรมที่ช่วยตรวจสุขภาพสายตาเบื้องต้น สามารถประเมินความเสี่ยงต้อหิน ต้อกระจก และปัญหาด้านอื่น ๆ ทุกขั้นตอนดูแลโดยนักทัศนมาตร ที่ควบคุมคุณภาพโดยจักษุแพทย์
มากกว่าตรวจวัดสายตา คือตรวจสุขภาพตา ด้วยเครื่องมือของจักษุแพทย์
นอกจากนี้ WALTZ ยังคำนึงถึงลูกค้าที่อาจมีความผิดปกติในการมองเห็นอันเกิดจากโรคตาอื่นๆ ทำให้เรานำเครื่อง Slit Lamp มาเป็นตัวเครื่องมือในการตรวจสุขภาพตาของลูกค้าอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น
โดยเครื่อง Slit Lamp คือ กล้องจุลทรรศน์ชนิดพิเศษที่มีกำลังขยายสูงมากพอที่จะทำให้เห็นองค์ประกอบภายในดวงตาได้อย่างชัดเจน พบได้ทั่วไปในโรงพยาบาลและคลินิกตา โดยจักษุแพทย์จะใช้ Slit Lamp ในการตรวจส่วนต่างๆ ของดวงตาทั้งภายในและภายนอก
ด้วยคุณสมบัติเฉพาะของ Slit Lamp จึงทำให้จักษุแพทย์ตรวจเห็นรอยโรคหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นในส่วนต่างๆ ของดวงตาได้ ในการตรวจตาแต่ละครั้ง จักษุแพทย์จะตรวจตั้งแต่ส่วนที่อยู่ภายนอกของดวงตา เช่น เปลือกตา เยื่อบุตา ตาขาว ส่วนที่อยู่ภายในดวงตา เช่น ม่านตา เลนส์แก้วตา หรือแม้กระทั่งส่วนอยู่ด้านหลังสุดของดวงตา เช่น จอประสาทตา และขั้วประสาทตา
ใครบ้างที่ควรตรวจสุขภาพตา
1. เด็ก
การตรวจสุขภาพตาในเด็กเป็นประจำ จะช่วยคัดกรองการมองเห็นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเด็กอาจจะไม่รู้ว่าการมองเห็นที่ปกติเป็นอย่างไร ไม่ระมัดระวังความผิดปกติทางตา ทำให้เกิดปัญหาที่ตามมาอย่างถาวรได้ เช่นตาขี้เกียจ เด็กๆจึงควรได้รับการตรวจตาอย่างละเอียดทุกปี เพราะการมีคุณภาพการมองเห็นที่ดี จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้และสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ผู้ใหญ่
ยิ่งอายุมากขึ้น ความเสี่ยงโรคทางตาก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม รวมไปถึงเบาหวานขึ้นตา ตามคำแนะนำของ The American Academy of Ophthalmology ผู้ใหญ่ควรได้รับการตรวจตาอย่างละเอียดเมื่ออายุ 40 ปี เพราะสายตาจะเริ่มเสื่อมลง ประสิทธิภาพการมองเห็นเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ผู้ที่อายุ40ปีขึ้นไป จะเริ่มมีปัญหาการอ่านหนังสือ จากสายตายาวตามอายุ ทำให้รู้สึกไม่สบายตา ปวดหัว หรือมีอาการทางตาอื่นๆ ตามมา
3. ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงโรคทางตา
บุคคลกลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องรอถึงอายุ 40 ปี ก็ควรรับการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน กระจกตาเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม
ได้ยาบางชนิดที่มีผลกับตา
ผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์เป็นประจำ
ผู้ที่ทำงานที่ใช้สายตามาก
WALTZ VISION ศูนย์รวมแว่นตาหรูระดับโลก คัดสรรทั้งแว่นอัลต้าลักชัวรีและแว่นตาหายากทั่วโลก มาให้คุณเลือกมากที่สุด พร้อมให้บริการตรวจวัดสายตา และตัดเลนส์ชั้นนำ ควบคุมคุณภาพโดยจักษุแพทย์ วันนี้ WALTZ ได้ยกระดับการบริการขึ้นไปอีกระดับ ด้วย Waltz Vision Clinic ร่วมกับโรงพยาบาลตากรุงเทพ ที่เน้นบริการตรวจสุขภาพดวงตาคุณอย่างครบวงจร และปลอดภัยด้วยเทคโลยีขั้นสูง ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เร็วๆ นี้...
Comments