Carl Zeiss Companies History
จากจุดกำเนิดในปี ค.ศ. 1846 ณ เมืองเจน ประเทศเยอรมนี Mr. Carl Zeiss และ นักคณิตศาสตร์ฟิสิกส์ Mr. Ernst Abbe ได้ก่อตั้งห้องแลปสำหรับ คิดค้นอุปกรณ์เกี่ยวกับเลนส์ที่มีความละเอียดสูงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ที่ ZEISS ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมเลนส์ และ Optoelectronics อย่างภาคภูมิ ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพ และ มาตรฐานมากที่สุดจากจักษุแพทย์ นักทัศนมาตรผู้ปฏิบัติงานทางสายตา เจ้าของร้านค้าไปจนถึงผู้บริโภคทั่วโลก
1. Single Vision Aspheric RX
เลนส์ชั้นเดียวที่ขัดเลนส์ Freeform ( การขัดความโค้งแบบจุดต่อจุด ) แบบ Aspherical เพื่อให้ได้เลนส์ที่บาง ลดการบิดเบือนของภาพที่ส่วนขอบของเลนส์ ภาพจะคมชัดสมจริงมากยิ่งขึ้นเลนส์ชนิดนี้จึงเหมาะกับ ผู้ที่มีค่าสายตาเอียงมากกว่า -2.00 D. หรือต้องการนำเลนส์ไปย้อมสี
2. Single Vision Superb / Superb Asiana
คุณสมบัติเด่น : เลนส์สั่งทำพิเศษการขัดเลนส์แบบ Freeform (การขัดความโค้งแบบจุดต่อจุด) ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดบิดเบือนน้อย ง่ายต่อการปรับตัวเลนส์ชนิดนี้จึงเหมาะกับ ผู้ที่มีค่าสายตาสูงร่วมกับมีค่าสายตาเอียงมากๆ หรือ ค่าสายตาสองข้างต่างกันมากๆ อีกทั้งคำนึงถึงความโค้งหน้าแว่น จึงได้แยกออกเป็น2รูปแบบเพื่อให้ได้มุมมองที่กว้าง
-
Superb เหมาะกับกรอบแว่นตาที่มีความโค้งหน้าแว่น 6.5 องศาโดยหน้าแว่นค่อนข้างโค้งโอบเข้าใบหน้า
-
Superb Asiana เหมาะกับกรอบแว่นตาที่มีความโค้งหน้าแว่นต่ำ 0-2 องศาโดยหน้าแว่นค่อนข้างตรงพบได้ในแว่นตาชนิด Asia Fit
3. Single Vision Individual
โครงสร้างเฉพาะบุคคลขั้นสูง ที่มีการขัดแบบ Customized Freeform (การขัดความโค้งแบบจุดต่อจุดเฉพาะบุคคล) เพื่อให้ได้เลนส์ที่มุมมองคมชัดและภาพบิดเบือนน้อยที่สุดให้มุมมองทุกจุดที่เหนือชั้นกว่าเลนส์ชั้นเดียวอื่นๆอย่างชัดเจนเลนส์ชนิดนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ค่าสายตาสูง ร่วมกับผู้ที่มีสายตาเอียงมาก หรือค่าสายตาสองข้างต่างกันมากๆ เน้นภาพที่คมชัด และมีความบิดเบือนน้อย
ZEISS Single Vision (แบบสำเร็จรูป) & Coating portfolio
Clarity Duravision LT ( เด่นเรื่องความใส )
เลนส์เคลือบแข็งพื้นฐานของ Zeiss ที่มีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วนลดคราบนิ้วมือและฝุ่นเกาะบนเลนส์ ทำความสะอาดง่าย(หยดน้ำไม่เกาะบนผิวเลนส์) ตัดแสงสะท้อนบนผิวเลนส์และกันแสง UV
Full UV Protect / Anti reflective properties / Easy clean / Dust & Dirt resistant / High durability
Clarity DuraVision Platinum ( เด่นเรื่องความใสและความแข็งแรงของโค้ท )
เลนส์เคลือบแข็งที่สุดเท่าที่ Zeiss เคยผลิตมา โดยการเคลือบผิวเลนส์มากที่สุดถึง 9 ชั้นด้วยระบบ Multi-layer AR coating ที่มีคุณสมบัติการตัดแสงสะท้อนที่ดีที่สุด รวมกับเทคโนโลยี “ Ion Bombardment ” ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงการเคลือบผิว ทับซ้อนลงไปเพียงอย่างเดียว ทำให้ Coating ทั้ง 9 ชั้น ติดแน่นประสานเนื้อเดียว
*Full UV Protect / Anti reflective properties / Easy clean / Dust & Dirt resistant /Excellent durability

Clarity DuraVision BlueProtect ( ป้องกันแสงสีน้ำเงิน )
ลดปริมาณแสงสีน้ำเงินที่เป็นอันตรายเข้าสู่ดวงตา และปล่อยให้แสงสีฟ้าที่จำเป็นต่อร่างกายผ่านเลนส์ได้ปกติ เนื้อเลนส์มีความใสมากกว่าเลนส์ป้องกันแสงสีน้ำเงินทั่วไปในท้องตลาด และ มีค่าความเหลืองน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับเลนส์ในท้องตลาด
Full UV Protect / BlueLight Protect /Anti reflective properties / Easy clean / Dust & Dirt resistant / Excellent durability

Clarity DuraVision platinum + PhotoFusion (เลนส์ออกแดดเปลี่ยนสี)
ป้องกันรังสีUV 100% และสามารถป้องกันแสงสีน้ำเงิน การเปลี่ยนสีมีความเข้มสม่ำเสมอกันทั่วทั้งเลนส์ให้สีที่เป็นธรรมชาติเหมาะกับผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นประจำ หรือผู้ที่มีอาการแพ้แสง ช่วยให้ภาพคมชัดในทุกสภาวะแสง สำหรับเลนส์ชั้นเดียวที่ผลิตมาเป็นค่าสายตาแบบสำเร็จรูปมี 2 สีให้เลือก Grey, Brown
Zeiss PhotoFusion
Switching glasses is a thing of the past
“เลนส์ออกแดดเปลี่ยนสีที่สามารถป้องกันแสงสีน้ำเงินทั้งในร่มและออกแดด “
เลนส์เปลี่ยนสีเข้ม 16 % ใน 15–30 วินาที และเปลี่ยนกลับเป็นเลนส์ใส ใน 3-8 นาทีป้องกันรังสีUV 100% และสามารถป้องกันแสงสีน้ำเงิน การเปลี่ยนสีมีความเข้มสม่ำเสมอกันทั่วทั้งเลนส์ให้สีที่เป็นธรรมชาติเหมาะกับผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นประจำ หรือผู้ที่มีอาการแพ้แสง ช่วยให้ภาพคมชัดในทุกสภาวะแสงมี 5 สีให้เลือก Grey, Brown, Extra Grey, Pioneer, Blue
Progressive Lens
· Individual 2 ตอบโจทย์ค่าสายตา+รูปแบบกรอบ+รูปหน้าบุคคล+กิจกรรมเฉพาะบุคคล
· Precision Superb ตอบโจทย์คู่สายตา+รูปแบบกรอบ +รูปหน้าบุคคล
· Precision Plus / Plus Asiana ตอบโจทย์ทั้งคำสายตาและรูปแบบกรอบ
· Precision Pure ตอบโจทย์สำหรับค่าสายตา
Technology Behind Zeiss Progressive Lens
-
Individual Fit™ Technology
เทคโนโลยีที่ทำให้การมองเห็นภาพคมชัดเป็นธรรมชาติมากที่สุดโดย พิจารณาจากกิจกรรม และพฤติกรรมการใช้สายตาเฉพาะบุคคลร่วมด้วย
-
Luminance Design® Technology
เทคโนโลยีที่ใช้การเปลี่ยนแปลงขนาดของรูม่านตามาร่วมคำนวณและ ออกแบบเลนส์ ทำให้เกิดการมองเห็นดีที่สุดทั้งในภาวะแสงมาก (กลางวัน) และ ภาวะแสงน้อย (กลางคืน)
-
FaceFit™ Technology
การนำเอารูปแบบใบหน้าของบุคคลมาใช้คำนวณ และออกแบบในการผลิตเลนส์
-
Adaptation Control™ Technology
เทคโนโลยีที่ทำให้ผู้สวมใส่ปรับตัวกับแว่นใหมได้อย่างรวดเร็ว
-
FrameFit+® Technology
เทคโนโลยีที่ทำให้ผู้สวมใส่สามารถเลือกกรอบได้อย่างอิสระไม่มีข้อจำกัดด้านเลนส์
-
Digital Inside® Technology
ลดการเพ่งจากการมองอุปกรณ์ดิจิทัล และ ให้ภาพที่คมชัดขึ้น
-
Precision Technology
ให้ภาพที่คมชัด สมดุลทุกระยะการมองปรับตัวได้รวดเร็ว มาพร้อมกับเลนส์บางและเบาสบาย
Pure vision with enhanced performance for the digital world.

ZEISS Progressive Lens Precision Pure
โครงสร้างเลนส์มีพื้นที่การใช้งานกว้าง บาลานซ์ทุกระยะการมอง ภาพคมชัด ปรับตัวได้รวดเร็ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน โดยการปรับโครงสร้างของเลนส์ให้เหมาะกับโลกจุดดิจิทัลด้วย Digital InsideTM Technology & Precision Technology
Technology
Behind Progressive Lens Precision Pure
-
Digital InsideTM Technology Progressive Lens Precision Pure
เทคโนโลยีที่ถูกดีไซน์ให้เหมาะกับพฤติกรรมการมองใกล้ทั้งการอ่านหนังสือ ( conventional behavior ) และการอ่านผ่านอุปกรณ์ดิจิทัล ( digital reading behavior ) เช่น สมาร์โฟน แท็ปเลต
เทคโนโลยีที่ถูกดีไซน์ให้เหมาะกับพฤติกรรมการมองใกล้ทั้งการอ่านหนังสือ ( conventional behavior ) และการอ่านผ่านอุปกรณ์ดิจิทัล ( digital reading behavior ) เช่น สมาร์โฟน แท็ปเลต

Progressive แบบเดิมๆ ให้ความสนใจกับพฤติกรรม การมองใกล้ที่เน้นการอ่าน หนังสือเป็นหลัก

Progressive แบบเดิมๆ ไม่ได้ปรับเข้าหาพฤติกรรมของผู้สวมใส่ในปัจจุบันที่ใช้อุปกรณ์ดิจิทัลมากกว่า

เทคโนโลยี Digital Inside ที่ช่วยให้ อ่านมือถือไม่ต้องเงยหน้า หาระยะมือถือได้ง่ายสบายตา

Precision Technology Progressive Lens Precision Pure
" Fast focus with sharp and dynamic vision all day long and thin and light lenses "
-
Clear Optics: ด้วยเทคโนโลยีการขัดผิวเลนส์ Freeform (การขัดความโค้งแบบจุดต่อจุดทำให้ภาพที่คมชัดในทุกระยะ
-
Dynamic Optics: เทคโนโลยีการออกแบบโครงสร้งเลนส์ที่คำนึงถึงการเคลื่อนไหวของดวงตาทั้งสองข้าง ในแนวตั้ง จากการมองไกล-กลาง-ใกล้เป็นไปอย่างราบรื่น ในแนวนอน ทำให้ผู้สวมใส่ไม่เกิดอาการเพ่ง หรือต้องปรับสายตานานเนื่องเปลี่ยนระยะการมอง
Thin Optics : เทคโนโลยีที่ทำให้เลนส์มีความบางและเบาที่สุด ในทุกๆค่าสายตาเท่าที่จะเป็นไปได้
ZEISS Progressive Lens Precision Plus / Plus Asiana
Precision optics with any frame
ตอบโจทย์ทั้งค่าสายตาและรูปแบบกรอบแว่น พื้นที่การใช้งานกว้าง ภาพคมชัดสูงสุด และช่วยลดการปรับตัวกับเลนส์คู่ใหม่หรือกรอบแว่นแฟชั่นได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มอิสระในการเลือกแว่นตาด้วยเทคโนโลยี Adaptation ControlTM & FrameFit+ Technology
ZEISS Progressive Lens Precision Superb

Physiologically fitted to the wearer’s face.
เลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคล ที่มีโครงสร้างเฉพาะบุคคลขั้นสูงตอบโจทยร์ูปใบหน้าอันหลากหลายของผู้สวมใส่ เพื่อให้ได้เลนส์มุมมองคมชัด พื้นที่การใช้งานกว้าง และปรับตัวกับเลนส์คู่ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งคำนึงถึงความโค้งหน้าแว่น จึงได้แยกออกเป็น 2 รูปแบบเพื่อให้ได้มุมมองที่กว้างลดความบิดเบือนด้านข้างของเลนส์
- Superb เหมาะกับกรอบแว่นตาที่มีความโค้งหน้าแว่น 6.5 องศาโดยหน้าแว่นค่อนข้างโค้งโอบเข้าใบหน้า
-
Superb Asiana เหมาะกับกรอบแว่นตาที่มีความโค้งหน้าแว่นต่ำ 0-2 องศาโดยหน้าแว่นค่อนข้างตรงพบได้ในแว่นตาชนิด Asia Fit
Digital InsideTM Technology Progressive Lens Precision Superb
เทคโนโลยีที่ถูกดีไซน์ให้เหมาะกับพฤติกรรมการมองใกล้ทั้งการอ่านหนังสือ (conventional behavior) และการอ่านผ่านอุปกรณ์ดิจิทัล (digital reading behavior) เช่น สมาร์โฟน แท็ปเลต
Precision Technology Progressive Lens Precision Superb
เทคโนโลยีการขัดผิวเลนส์ Freeform (การขัดความโค้งแบบจุดต่อจุด)ทำให้ภาพที่คมชัดในทุกระยะ
เลนส์มีความบางและเบาที่สุด ในทุกๆค่าสายตาเท่าที่จะเป็นไปได้
Adaptation ControlTM Technology Progressive Lens Precision Superb
ตอบโจทย์ทั้งค่าสายตาและรูปแบบกรอบ
FrameFit+ Technology Progressive Lens Precision Superb
ผู้สวมใส่สามารถเลือกกรอบแบบใดก็ได้ โดยเลนส์จะสามารถให้การมองภาพที่ชัดเจนทุกระยะ
FaceFitTM Technology Progressive Lens Precision Superb
นำเอารูปแบบของใบหน้าบุคคลมาออกแบบเลนส์
โครงสร้างเลนส์ Progressive มาตรฐานไม่ได้เหมาะกับทุกคน เมื่อฟิตตั้งบนผู้สวมใส่โครงสร้างเลนส์จึงไม่เหมาะสมกับผู้สวมใส่ พื้นที่การมองเห็นแคบลงอย่างเห็นได้ชัด
ZEISS Progressive Lens Individual 2
Tailor-made to meet all individual requirements.
เลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคลที่มีโครงสร้างเฉพาะบุคคลขั้นสูง สามารถเลือกโครงสร้างของเลนส์เพื่อเน้นระยะการมองให้เข้ากับลักษณะการใช้ชีวิต บริเวณด้านข้างบิดเบือนน้อย และ สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว มีการออกแบบเลนส์ที่พิจารณารูม่านตาในสภาวะแสงต่างๆ ทำให้มองภาพคมชัด ได้ดีขึ้น
Technology Behind ZEISS
Progressive Lens Individual 2
-
Digital InsideTM Technology Progressive Lens Individual 2
เทคโนโลยีที่ถูกดีไซน์ให้เหมาะกับพฤติกรรมการมองใกล้ทั้งการอ่านหนังสือ (conventional behavior) และการอ่านผ่านอุปกรณ์ดิจิทัล (digital reading behavior) เช่น สมาร์โฟน แท็ปเลต
-
Precision Technology Progressive Lens Individual 2
”Fast focus with sharp and dynamic vision all day long and thin and light lenses”
-
Clear Optics: ด้วยเทคโนโลยีการขัดผิวเลนส์ Freeform (การขัดความโค้งแบบจุดต่อจุด)ทำให้ภาพที่คมชัดในทุกระยะ
-
Dynamic Optics: เทคโนโลยีการออกแบบโครงสร้งเลนส์ที่คำนึงถึงการเคลื่อนไหวของดวงตาทั้งสองข้าง ในแนวตั้ง จากการมองไกล-กลาง-ใกล้เป็นไปอย่างราบรื่น ในแนวนอน ทำให้ผู้สวมใส่ไม่เกิดอาการเพ่ง หรือต้องปรับสายตานานเนื่องเปลี่ยนระยะการมอง
Thin Optics:เทคโนโลยีที่ทำให้เลนส์มีความบางและเบาที่สุด ในทุกๆค่าสายตาเท่าที่จะเป็นไปได้
-
Adaptation ControlTM Technology Progressive Lens Individual 2
ตอบโจทย์ทั้งค่าสายตาและรูปแบบกรอบ
-
FrameFit+ Technology Progressive Lens Individual 2
ผู้สวมใส่สามารถเลือกกรอบแบบใดก็ได้ โดยเลนส์จะสามารถให้การมองภาพที่ชัดเจนทุกระยะ
-
FaceFitTM Technology Progressive Lens Individual 2
นำเอารูปแบบของใบหน้าบุคคลมาออกแบบเลนส์ โครงสร้างเลนส์ Progressive แบบมาตรฐานไม่ได้เหมาะกับทุกคน เมื่อฟิตตั้งบนผู้สวมใส่โครงสร้างเลนส์จึงไม่เหมาะสมกับผู้สวมใส่ พื้นที่การมองเห็นแคบลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสร้างเลนส์แบบนำเอาค่าพารามิเตอร์เฉพาะบุคคลมาคำนวนร่วมด้วย จะเห็นว่าโครงสร้างเลนส์เหมาะสมกับผู้สวมใส่มากที่สุด
-
IndividualFitTM Technology Progressive Lens Individual 2
ตอบโจทย์กิจกรรมเฉพาะบุคคล
Near: สำหรับผู้สวมใส่เลนส์ที่เน้นกิจกรรม มองใกล้เป็นหลัก เช่น งานเอกสาร อ่านหนังสือ
Intermediate: สำหรับผู้สวมใส่เลนส์ที่เน้นการใช้งาน ในระยะกลาง เช่น ในที่ทำงาน เข้าประชุมบ่อ
Balanced: สำหรับผู้สวมใส่เลนส์ที่มีกิจกรรม ที่หลากหลาย
-
Luminance Design Technology
เทคโนโลยีที่นำเอาขนาดรูม่านตาในภาวะแสงต่างๆมาร่วมคำนวณในการผลิตเลนส์ ทำให้สามารถมองภาพ ได้คมชัดขึ้นแม้แสงน้อย