เรื่องต้องรู้ก่อนตัดเลนส์สายตา Part 1 : เลนส์ที่แพงคือเลนส์ที่ดี?

เชื่อว่ามีหลายคนมากที่เดินเข้าร้านแว่นเพื่อทำเลนส์สายตาโดยความรู้เรื่องของเลนส์นั้นแทบจะเป็น 0 เลย

คือไม่ได้ค้นคว้าข้อมูลมาก่อน ทำให้หลายๆครั้ง เราจำเป็นต้องเชื่อพนักงานผู้ขาย และใช้จ่ายเกินจำเป็นในหลายๆครั้งโดยที่เราไม่รู้ตัว WALTZ ตั้งใจผลิตบทความนี้ขึ้นเพื่อให้ข้อมูลพื้นฐานที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ในการพิจารณาเลือกเลนส์ เพื่อให้ได้เลนส์ที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการ ซึ่งที่ร้านของเราเองเราเน้นย้ำพนักงานเสมอเรื่องของการเลือกเลนส์ที่ดีที่สุดที่ตรงกับความต้องการใช้ และนำเสนอทางเลือกให้กับลูกค้าในหลากหลายงบประมาณตามกำลังและความจำเป็น โดยบทความเรื่องต้องรู้ก่อนตัดเลนส์สายตาจะแบ่งออกเป็นตอนสั้นๆหลายๆตอนด้วยกันเพื่อให้คุณได้เข้าใจอย่างเร็วที่สุดก่อนที่จะไปเลือกเลนส์ที่ร้าน

ก่อนที่จะเข้าเนื้อหาพวกนั้น หลายๆคนคงจะเจอคำพูดประเภทที่ว่า "พี่ ใช้ตัวนี้สิ รุ่น premium เลยนะ ตัวนี้ให้มุมมองที่กว้างกว่า ลานสายตาดีกว่านะ" ( ในราคาที่สูงกว่าด้วยนะ ) เรียกได้ว่าเป็นประโยคคลาสสิคในการขายเลนส์เลยทีเดียว แล้วเราก็ควักกระเป๋าซื้อเลนส์ตามคนขายไป (เรียบร้อย) จริงๆ ที่คนขายพูดอย่างนั้นมันก็ไม่ผิดหรอก แต่เขาไม่ได้บอกคุณในประเด็นต่อไปนี้

1. ดีกว่า ดีแค่ไหน คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายเพิ่มขึ้นหรือไม่

2. ดีกว่า ดีสำหรับใคร แต่ละคนมีปัญหาสายตาไม่เท่ากัน

3. ดีกว่า ฉันจำเป็นต้องใช้หรือไม่

การตัดสินใจเลือกซื้อเลนส์ผู้ซื้อจึงต้องพิจารณาด้วยกว่าผู้ขายสามารถที่จะตอบคำถามทั้งสามประเด็นนี้ได้หรือไม่จึงจะมีความน่าเชื่อถือ

ลูกค้าบางคนมีปัญหาสายตาในเกณฑ์ที่น้อย การเลือกใช้เลนส์รุ่น ท็อปราคาแพง แน่นอนว่าให้ประสิทธิภาพและความสวยงามที่ดีกว่าเลนส์รุ่นที่เหมาะกับลูกค้าเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยที่ราคาแพงกว่าสองถึงสามเท่า ถามว่าไม่กี่เปอร์เซ็นต์ตรงนั้นลูกค้ารู้สึกได้หรือไม่และคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มหรือไม่ เราเชื่อว่าไม่จำเป็น

ในทางตรงกันข้าม ลูกค้าที่มีปัญหาสายตาในเกณฑ์ที่มาก ตั้งแต่ค่าสายตาเยอะ สายตาเอียงเยอะ สายตาสองข้างห่างกันมาก และปัญหาอื่นๆ ในกรณีนี้เลนส์รุ่นที่ดีกว่าจะแสดงประสิทธิภาพออกมาได้แตกต่างจากเลนส์รุ่นที่ต่ำกว่าอย่างชัดเจน ผู้ขายก็จำเป็นที่จะต้องแนะนำเลนส์รุ่นที่ลูกค้าจะใช้งานได้ภาพที่ชัด ใส่สบาย โดยอธิบายถึงความจำเป็นว่า "ทำไม" เลนส์ถึงมีราคาที่สูงกว่า ก็เพราะเลนส์มีเทคโนโลยี A, B, C ที่แก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ดีกว่านั่นเอง

กราฟด้านบนพูดถึงความบิดเบี้ยวที่เกิดขึ้นด้านข้างของเลนส์ เปรียบเทียบการรับรู้ของคนสายตา -1.00 กับ -8.00 ในคนสายตา -1.00 เมื่อเปลี่ยนเลนส์ชั้นเดียวจาก Spherical (แท่งฟ้า) มาเป็นโครงสร้าง Aspherical (แท่งส้ม) ( รายละเอียดติดตามตอนต่อๆไป) ผลลัพธ์ที่รู้สึกได้กลับดีขึ้นนิดหน่อย แตกต่างจากคนสายตา -8.00 ที่ผลลัพธ์แตกต่างกันมาก คนสายตา -8.00 จึงคุ้มค่ากว่าในการอัพเกรดเลนส์เป็นโครงสร้าง Aspherical เมื่อมองถึงการลดความบิดเบี้ยวหรือ Distortion ที่เกิดขึ้นนี้

เลนส์ที่ดี ไม่จำเป็นต้องแพง แต่เป็นเลนส์ที่เหมาะสมกับปัญหาสายตาและความจำเป็นในการใช้งานของเรานั่นเอง โดยร้านผู้แนะนำเลนส์ต้องสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า "ทำไม" ร้านจึงแนะนำเลนส์ตัวนี้ให้กับลูกค้า ไม่ใช่ตัวที่แพงกว่า หรือ ตัวที่ถูกกว่า แต่ "ทำไม" ถึงต้องเป็นตัวนี้ (โดยตอบคำถามได้ทั้งสามประเด็น) รวมถึงเสนอทางเลือกที่แพงหรือถูกกว่า ที่ "ยอมรับ" ได้ให้กับลูกค้า และกล้าที่จะ "ปฏิเสธ" ที่จะให้เลนส์ที่ไม่เหมาะสมกับค่าสายตาลูกค้า (เช่น ลูกค้าอยากได้ถูกมากๆ จึงแนะนำตัวเริ่มต้น ทั้งๆที่ ลูกค้ามีปัญหาสายตามาก ซึ่งทราบอยู่แล้วว่าใช้งานมีปัญหาแน่ๆ แต่อยากได้ยอดขาย? )

ไม่ใช่แนะนำแบบลอยๆ "ตัวนี้ดีครับ มุมมองกว้าง ลานสายตาดีครับผม (จบ)"

แล้วปัจจัยอะไรที่เราต้องคำนึงถึงเวลาเลือกเลนส์ล่ะ ( เข้าเรื่องแล้ว 555 ) สั้นๆ,

1. ลักษณะโครงสร้าง ( เลนส์ชั้นเดียว เลนส์โปรเกรสซีฟ ขัดโครงสร้างยังไง )

2. วัสดุ ( เกี่ยวกับความหนา และคุณสมบัติอื่นๆของเลนส์ )

3. เทคโนโลยี ( มีการใช้เทคนิคอะไรเพื่อให้ได้ภาพที่ดีขึ้น? )

4. สารเคลือบเลนส์ ( เคลือบผิวด้วยสารแบบไหน )

5. ยี่ห้อ ( งานวิจัย และมาตรฐานในการผลิต )

ในตอนต่อไปเราจะมาพูดถึงการเลือก ความหนาของเลนส์ กันครับ