เลนส์ที่คุณใช้อยู่ ดีพอแค่ใช้ได้ หรือดียอดเยี่ยมที่สร้างทัศนวิสัยและกระบวนการมองเห็นอย่างสมบูรณ์แบบให้กับคุณ กระบวนการวัดสายตาและเลนส์ทั่วไปให้คุณได้เพียงในระดับที่พอใช้เท่านั้น เพราะอะไรนั่นหรือ เราจะพาคุณไปท่องโลกของเทคโนโลยีสายตาอย่างเข้าใจง่ายภายใน 3 นาที เริ่ม !
นาทีที่ 1
เรื่องแรกที่ต้องเข้าใจคือ กระบวนการสร้างเลนส์ทั่วไปให้ลูกค้ามีองค์ประกอบที่จำเป็นสำคัญที่ร้านแว่นตาต้องส่งค่าให้กับผู้ผลิตคือ
1. ค่าสายตา ผ่านการวัดด้วยเครื่องมือแบบอัตโนมัติ และการวัดแบบ Subjective ดูชาร์ทวัดสายตาที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี
2. การวัดสรีระของผู้สวมใส่ เช่น ระยะห่างดวงตา เป็นต้น
3. การวัดลักษณะการสวมใส่กรอบที่เลือก เช่น ความเอียงของแว่น ความโค้งแว่น ระยะห่างจากกรอบถึงตา เป็นต้น ซึ่งแตกต่างกันแล้วแต่กรอบที่เลือก
การวัดสายตาโดยทั่วไปจะอาศัยแค่ข้อ 1 และ 2 เท่านั้น พัฒนามาอีกขั้นเมื่อไม่นานมานี้คือระดับเฉพาะบุคคลจะเพิ่มเติมข้อ 3 เข้าไป ( หลักการคือ ค่าสายตาของเลนส์จะเปลี่ยนไป ตามลักษณะการสวมใส่ ซึ่งการวัดข้อ 3 ส่งให้โรงงาน โรงงานจะคำนวณโครงสร้างที่ดีที่สุดให้นั่นเอง )
อ่านบทความนี้มา 1 นาที ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วว่าการวัดสายตาปัจจุบันมีขั้นตอนคร่าวๆอย่างไรบ้าง ซึ่งดีพอใช้ได้ แต่จริงๆ ยังขาดตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เติมเต็มที่ให้การวัดนั้นแม่นยำเฉพาะบุคคลระดับ Tailor-made อย่างแท้จริงครับ
นาทีที่ 2
แล้วอะไรที่มันจะดีกว่าการวัดทั้งสามขั้นตอนที่กล่าวมาแล้วล่ะ จริงๆแล้วปัญหาของการวัดตาทั้งสามขั้นตอนเป็นเทคนิคการวัดและจ่ายเลนส์ทั่วไปในปัจจุบันนั้น ดำเนินการบนสมมุติฐานว่า
ดวงตาทุกคนมีสรีระที่เหมือนกันหมด
แต่จริงๆแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นครับ แค่ความใหญ่เล็กของดวงตาแต่ละคนก็ไม่เท่ากันแล้ว ไม่นับถึงสรีระภายใน ความยาวลูกตาที่ไม่เท่ากัน กระจกตาก็โค้งไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน เป็นต้น เพราะเราเกิดมาด้วยพันธุกรรมที่แตกต่างกันครับ
ซึ่งความไม่เหมือนกันนี่แหละที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพที่คุณจะได้รับจากเลนส์คู่หนึ่งๆอย่างแน่นอน
เพราะอะไร?
การคำนวณโครงสร้างเลนส์ในแบบเก่า คำนวณจากสมมุติฐานที่สรีระดวงตาทุกคนเหมือนกันหมด โดยใช้ค่ามาตรฐานในการอ้างอิง อาศัยเพียงค่าสายตาและค่าพื้นฐานที่วัดได้ในการสร้างเลนส์ นั่นหมายความว่าหากตาของคุณมีลักษณะที่ไม่เหมือนค่ามาตรฐานนั้น โครงสร้างของเลนส์ย่อมไม่เหมาะสมที่สุดกับดวงตาของคุณและทำให้คุณใช้เลนส์คู่นั้นได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพนั่นเอง
นาทีที่ 3
ผ่านมา 2 นาที ตอนนี้คุณน่าจะเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังจะสื่อแล้วครับ ใช่แล้วครับ การวัดที่ดีขึ้นยิ่งกว่าจำเป็นที่จะต้องวัดสรีระของดวงตาด้วย เพื่อนำไปคำนวณสร้างเลนส์ที่มีโครงสร้างเหมาะสมที่สุดสำหรับบุคคลหนึ่งขึ้นมา จึงจะเป็นการวัดระดับบุคคลที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ( เอาเป็นว่าดีกว่าเดิมครับ แต่จะเรียกอะไรก็แล้วแต่การตลาดแต่ละร้านจะคิด )
และนี่คือสิ่งที่เทคโนโลยี DNEye PRO จากแบรนด์ระดับโลกจากเยอรมัน Rodenstock เข้ามาตอบโจทย์ด้วยความสามารถในการวัดและคำนวณสรีระของดวงตาเพิ่มเติมดังนี้
1. แผนภูมิความโค้งกระจกตา ( Cornea Topography )
2. ความลึกของโพรง Anterior Chamber
3. อิทธิพลต่อค่าสายตาของเลนส์ตา
4. ความยาวลูกตา
โดยการวัดไม่สามารถที่จะใช้อุปกรณ์วัดสายตาโดยทั่วไปได้ ซึ่งองค์ประกอบที่จำเป็นในการวัดคือ
1. เครื่อง DNEye Scanner ลิขสิทธิ์จาก Rodenstock
2. การส่งค่าที่วัดได้จาก DNEye ให้ทางโรงงาน Rodenstock นำไปแปลผลด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อสั่งขัดเลนส์แบบ DNEye โดยเฉพาะ
DNEye PRO มีประโยชน์กับใคร
เราลองนึกดูดีๆ เช่นเดียวกับลายนิ้วมือของคนเรา มีโอกาสน้อยมากๆที่จะตรงกัน สรีระดวงตาของเราก็เช่นเดียวกันที่จะเหมือนกับโมเดลจำลองดวงตาแบบมาตรฐานที่ใช้ในการคำนวณเลนส์แบบเก่าแบบเป๊ะๆ ดังนั้นโอกาสที่เราจะได้เลนส์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ด้วยเทคโนโลยีแบบเก่าจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปแทบไม่ได้ แต่หากเราสามารถวัดสรีระดวงตาของเราได้คุณก็จะได้เลนส์ที่ดีที่สุดกลับบ้านไป
ซึ่งจากการวิจัยพบว่าการใช้ DNEye นั้นทำให้
- มุมมองในระยะกลางและใกล้ดีขึ้นอย่างน้อย 25%
- ลดอาการมึนงงขณะหันหัว หรือเปลี่ยนระยะการมอง
- เพิ่มคอนทราสและความคมของภาพ
- มุมมองภาพที่กว้างขึ้น
และนั่นทำให้ DNEye มีประโยชน์และใช้ได้กับทุกคนนั่นเอง
สรุป
เทคโนโลยี DNEye นับเป็นที่สุดในการวัดสายตาเฉพาะบุคคลที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบัน และปัจจุบันมีร้านที่มีวางเทคโนโลยีเครื่อง DNEye Scanner และได้รับการฝึกอบรมให้วัดด้วยเทคนิคนี้เพียงไม่กี่ร้านค้าเพียงเท่านั้น ลูกค้าของ WALTZ ที่สนใจสามารถเข้ารับบริการวัดและตัดเลนส์ Rodenstock DNEye ได้ที่ ร้าน WALTZ สาขา ไอคอนสยาม กับนักทัศนมาตรหรือคุณหมอสายตาผู้เชี่ยวชาญของเราได้แล้วตั้งแต่วันนี้
* ขออภัยหากใช้เวลามากกว่า 3 นาทีในการอ่านบทความนี้ครับ
ตรวจวัด DNEye Scanner ได้ที่สาขา ไอคอนสยาม แผนที่ร้าน
http://www.waltzvision.com/locations
รายละเอียดเพิ่มเติมศึกษาต่อได้ที่
https://www.rodenstock.com/uk/en/technology.html
Comments