หลายคนถ้าอายุเริ่มย่างเข้า 40 ก็จะต้องสังเกตเห็นตัวเองหรือเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกัน เริ่มถือหนังสือห่างขึ้นจากปรกติ หรือบางทีต้องหยีตาช่วยในการอ่านหนังสือ นานๆเข้าก็เป็นบุคลิกภาพที่ไม่ดี ซึ่งไม่ต้องกังวลครับ นี่ไม่ใช่ความผิดปรกติของร่างกาย แต่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เราเรียกว่า สายตาผู้มีอายุ หรือ สายตายาวผู้มีอายุ หรือ หลายๆที่เรียกแบบไม่เกรงใจก็ ... สายตาคนแก่ นั่นเอง
เรื่องสายตาสั้น ยาว และสายตาคนแก่นั้นสามารถดูได้ที่
ตอนที่ 1 - สายตาสั้นและยาว : https://goo.gl/sLtNXj ตอนที่ 2 - สายตายาวผู้สูงวัย : https://goo.gl/e2hRs7
สำหรับตอนนี้เราจะพูดถึงแนวทางการแก้ไขสายตายาวผู้สูงวัย
จากตอนแรก เราคงเห็นแล้วว่า การแก้ไขสายตาสั้น และ ยาว ทำได้โดยใช้เลนส์เว้าและเลนส์นูน
ในตอนสองเราจะเห็นว่าสายตายาวคนแก่นั้น เกิดขึ้นเมื่อจ้องวัตถุในระยะใกล้ ทำให้แสงตกหลังจอรับภาพ และด้วยความที่มีอายุ เราไม่สามารถเพ่งเพื่อให้แสงกลับมาตกที่จอรับภาพได้ ดังนั้นลักษณะจะคล้ายๆกับสายตายาว นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมเราถึงเรียกติดปากว่าสายตายาวคนแก่นั่นเอง เพราะมีความคล้ายคลึงกับสายตายาวอยู่ การแก้ไขเราจะใช้เลนส์นูนในการช่วย "เพ่ง" แทนกล้ามเนื้อของเราเพื่อทำให้ภาพมาตกที่จอรับภาพพอดี หลายๆคนอาจจะเห็นหลายๆที่ ขายแว่นอ่านหนังสื้อ สำเร็จรูป ซึ่งก็เป็นหนึ่งวิธีที่ใช้แก้ไขภาวะสายตายาวคนแก่นี้
แว่นอ่านหนังสือก็คือเลนส์นูนนั่นเอง โดยที่วางจำหน่ายในตลาดแบบสำเร็จรูป เราจะเห็นค่ากำลังกำกับที่ด้านหน้าของเลนส์ เช่น +0.50 +1.00 +1.50 เป็นต้น ที่ต้องมีหลายค่าเพราะเมื่อเราอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ความสามารถในการเพ่งจะลดลงเรื่อยๆ จึงต้องใช้แว่นอ่านหนังสือที่มีกำลังสูงขึ้นนั่นเอง แต่แว่นอ่านหนังสือช่วยให้เราอ่านหนังสือหรือมองระยะใกล้ได้ ในยามที่เราเริ่มมีภาวะสายตายาวคนแก่ แต่ช่วยแค่ตอนอ่านหนังสือเท่านั้น เราจะเห็นคนใส่แว่นอ่านหนังสือก็จะต้องถอดออกเวลามองไกล นั่นเพราะไม่ได้ถูกออกแบบให้มองไกลได้นั่นเอง ถ้าเราอยากมีแว่นสักตัวที่เราใส่ทั้งมองไกลและมองใกล้จะต้องทำอย่างไร คำตอบคือการใช้เลนส์สองชั้น (bifocal) หรือที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันคือเลนส์ โปรเกรสสีฟนั่นเอง
เลนส์สองชั้น ชื่อก็บอกแล้วว่ามีสองชั้น นั่นคืือ มีสองค่าสายตาในเลนส์ตัวเดียว ถ้าเราดูในรูป จะมีโซนมองไกล ค่าสายตานึง ซึ่งก็จะเป็นค่าสายตาที่แก้ไขภาวะสายตาสั้น/ยาว ที่เป็นความผิดปรกติที่ได้กล่าวในไว้ในตอนแรก หรือบางคนไม่ได้เป็นตาสั้น/ยาว โซนนี้ก็จะไม่มีค่าสายตานั่นเอง และจะมีโซนมองใกล้ ซึ่งจะเป็นค่าสายตาที่ไว้แก้ไขภาวะสายตายาวคนแก่ การใช้งานเวลาเราต้องการมองไกล เราก็จะมองผ่านโซน "ไกล" เวลาจะมองใกล้ก็มองผ่านโซน "ใกล้" นั่นเอง ง่ายนิดเดียว เพียงเท่านี้ ก็จะสามารถใส่ได้ตลอดเวลา แต่เลนส์สองชั้นก็มีข้อจำกัดหลายประการนะ เช่น การมองใกล้จะทำได้ที่ระยะเดียว เช่นโซนอ่านหนังสือ เป็นต้น แต่ "ใกล้" ที่ระยะอื่นๆ ก็จะไม่ชัด เช่นระยะทำงานคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เพราะโซนมองใกล้ใช้ค่าสายตาเดียวในการแก้ไข เลนส์ไม่สวย ก็จะเห็นเป็นเสี้ยววงกลมแปะอยู่ หรือเป็นวงกลม ในเลนส์สองชั้นบางรุ่น หรือมีขีดผ่ากลาง ที่สำคัญที่สุดคือ จุดต่อระหว่างโซนมองไกล และมองใกล้ เมื่อเรามองผ่าน ภาพจะวูบวาบมาก เพราะค่าสายตาจะเปลี่ยนเลยทันที ซึ่งก็ทำให้ไม่สบายและเวียนศรีษะมาก ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว ก็เลยมีการคิดค้นเลนส์โปรเกรสสีฟขึ้นมานั่นเอง
เลนส์โปรเกรสสีฟ หรือเลนส์ไร้รอยต่อ ตามชื่อเลยคือไม่มีรอยต่อระหว่างโซนมองไกลและโซนมองใกล้นั่นเอง ซึ่งการออกแบบจะมีการค่อยๆเกลี่ยหรือไล่ระดับค่าสายตาเวลาเปลี่ยนจากโซนมองไกลเป็นใกล้ หรือใกล้เป็นไกล นั่นเอง ซึ่งภาพจะไม่ตัดวูบวาบเหมือนอย่างเลนส์สองชั้นแล้ว นอกจากนี้ด้วยการไล่ระดับค่าสายตาทำให้เราสามารถใช้เลนส์โปรเกรสสีฟมองได้ทุกระยะ... ( แต่ก็มีข้อจำกัดนะครับ ) และเลนส์ยังมีหน้าตาเหมือนเลนส์ธรรมดาทั่วไปอีกด้วย จากในรูปจะเห็นการดีไซน์ของโปรเกรสสีฟที่มีระยะไล่จากไกลไปใกล้ ด้วยความที่การขัดไล่ค่าสายตาบนเลนส์มีความซับซ้อนและมีข้อจำกัดทางฟิสิกส์บางอย่างทำให้ โปรเกรสสีฟในปัจจุบันทุกตัว จะมีส่วนที่เรียกว่าภาพบิดเบือนด้านข้าง ตามที่เขียนไว้ในรูป ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการใช้งานเลยทีเดียว เลนส์ที่จัดการภาพบิดเบือนด้านข้างได้ไม่ดีจะทำให้ผู้สวมใส่ปรับตัวยากและใช้งานไม่ได้ ในรายที่ใส่โปรเกรสสีฟประสบความสำเร็จ จะสามารถมองภาพได้ทุกระยะ และผู้สวมใส่มีความเคยชินสามารถปรับตัวเข้ากับเลนส์ได้ ซึ่งการจะใส่โปรเกรสสีฟประสบความสำเร็จมีปัจจัยหลายประการเลยทีเดียวครับ
หลายๆท่านใส่โปรเกรสสีฟไม่สำเร็จ เนื่องจากไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเลนส์ได้ ระยะการมองไม่ตอบโจทย์ ใช้ลำบาก และอื่นๆอีกมากมาย จริงๆแล้วการเลือกเลนส์โปรเกรสสีฟ ถือเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน เพราะมีปัจจัยหลายอย่างเลยครับ เช่น ค่าสายตาของผู้สวมใส่เองว่ามีความยากง่ายเพียงใดกรอบแว่นที่ผู้สวมใส่เลืือกสรีระของผู้สวมใส่ พฤติกรรมผู้สวมใส่ เช่น ชอบใส่แว่นห่าง หรือเป็นคนมองแล้วหน้ากด หน้าเงย เป็นต้น รุ่นเลนส์โปรเกรสสีฟที่เลือก แต่ละรุ่นก็จะมีโครงสร้างและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ยิ่งผู้สวมใส่มีปัญหาสายตาเยอะ เลือกกรอบทีระยะ มุมแปลกกว่าปรกติ และอื่นๆ ก็ยิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้รุ่นที่สูงขึ้นเข้ามาจัดการเพื่อให้สามารถใช้งานได้ การวัดสายตาของช่างประจำร้านว่าถูกต้องหรือไม่
การวัดค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องส่งบริษัทเลนส์เพื่อทำเลนส์ให้ถูกต้อง ว่าถูกต้องหรือไม่การประกอบเลนส์ สามารถฝน ตัดประกอบเลนส์ได้ถูกต้องตามสเปคของเลนส์นั้นๆหรือไม่
ผู้จำหน่ายสามารถอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงข้อจำกัดและวิธีการใช้งานโปรกเกรสสีฟอย่างถูกต้องได้หรือไม่จะเห็นว่าการใช้เลนส์โปรเกรสสีฟมีรายละเอียดมากมายที่ต้องพิจารณาในการเลือกให้กับลูกค้า และขั้นตอนในการวัดสายตาก็จะมีความละเอียดซับซ้อนกว่า การทำเลนส์ทั่วไป ดังนั้นสิ่งสำคัญสำหรับผู้บริโภคคือ ผู้จำหน่ายเลนส์หรือร้านแว่นที่เลือกใช้ ต้องมีความรู้ ความสามารถ ความน่าเชื่อถือ ที่จะสามารถแนะนำเลนส์ให้เหมาะสมกับปัญหาสายตาของลูกค้านั่นเองครับ
นอกจากนี้ WALTZ มีนโยบายการรับประกันเลนส์โปรเกรสสีฟที่หากคุณไม่สามารถใช้งานได้ สามารถมาทำคู่ใหม่กับเราได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ภายใน 30 วันหลังจากที่ได้รับเลนส์ไปใช้งานครับ สามารถติดตามข่าวสาร กิจกรรมและโปรโมชั่นดีๆ ได้ทางเฟสบุคหรือเว็บไซต์ของเราที่www.waltzvision.com
Siam Paragon
02 1294 474
K-Village
02 6614 088 (9)
Crystral Park
02 5150 521 (2)
The Crystral Ratchapruek
02 1025 617 (8)
support@waltzvision.com
www.facebook.com/waltzvision
Instagram : WALTZVISION
WALTZ
LUXURY EYEWEAR STORE
Comments