5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณต้องเปลี่ยนเลนส์คู่ใหม่ได้แล้ว
top of page

5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณต้องเปลี่ยนเลนส์คู่ใหม่ได้แล้ว


5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณต้องเปลี่ยนเลนส์คู่ใหม่ได้แล้ว


เลนส์แว่นตาทุกคู่มีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย ทั้งการใช้งาน การดูแลรักษา โดยเราจะแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยหลักนั่นก็คือเลนส์เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน กับ ค่าสายตาที่เปลี่ยนไปซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยนี้เป็ตเหตุผลที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนเลนส์คู่ใหม่โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก่อนที่จะเปลี่ยนเลนส์คู่ใหม่นั่น ดวงตา และ เลนส์จะเริ่มส่งสัญญาณให้เราทราบซึ่งมี 5 หัวข้อหลักๆ ที่บ่งบอกว่าเราควรจะเปลี่ยนเลนส์คู่ใหม่ได้แล้วโดยประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และ ด้วยเหตุผลอะไรไปติดตามกันได้เลย


โค๊ทเลนส์เสื่อมสภาพตามการใช้งาน


โค๊ทเลนส์ หรือ สารเคลือบเลนส์มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 1 – 5 ปี โดยขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น การเลือกแบรนด์เลนส์ที่มีคุณภาพ , การใช้งานในชีวิตประจำวัน , รวมถึงการดูแลรักษา ซึ่งถ้าโค๊ทเลนส์เสื่อมสภาพก็จะลอกเป็นย่นๆที่เนื้อเลนส์ ทำให้การใช้งานนั้นด้อยลง มองเห็นไม่ชัดเหมือนเดิม หรืออาจจะใช้ไม่ได้เลย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องเปลี่ยนเลนส์คู่ใหม่


ค่าสายตาเปลี่ยน


ปัจจัยค่าสายตาเปลี่ยนเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อค่าสายตาเปลี่ยนก็จะส่งผลให้กับเลนส์คู่เดิมมองเห็นไม่ชัดเหมือนเดิม ทำให้ส่งผลในการใช้งานในชีวิตประจำวัน และ อาจจะมีอาการข้างเคียงเช่น ตาล้า เวียนศีรษะ เนื่องจากต้องใช้สายตาในการแพ่งมากขึ้น โดยวิธีแก้ก็คงจะต้องแก้ที่ต้นเหตุนั่นก็คือการเปลี่ยนเลนส์คู่ใหม่ให้ตรงกับค่าสายตาปัจจุบัน เพราะไม่เพียงจะช่วยให้มองเห็นได้ดีเหมือนเดิม แต่คุณอาจจะเลือก Option ในเลนส์คู่ใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดีกว่าเลนส์คู่เดิมอีกด้วย


เริ่มมองใกล้ไม่ชัด (สายตายาวตามวัย)


เคยไหม? ใช้เลนส์คู่เดิมอยู่ดีๆก็รู้สึกมองใกล้ไม่ชัด ปัจจัยนี้เกิดจากสายตายาวตามวัย เมื่อเรามีอายุมากขึ้นส่วนประกอบต่างๆของร่างกายก็เริ่มเสื่อมลงตามกาลเวลารวมถึงดวงตาเราเองก็ด้วย ซึ่งเมื่อประสิทธภาพการแพ่งลดลงจึงส่งผลให้เริ่มมองใกล้ไม่ชัดจะอ่านหนังสือ หรือ เลนส์โทรศัพท์ก็จะต้องยื่นมือออกไปในระดับที่สายตามองเห็น ซึ่งอาจจะทำให้เสียบุคลิก และ ประสิทธิภาพในการมองเห็น ซึ่งเลนส์แว่นตาคู่เดิมตอบโจทย์ไม่เพียงพอจึงอาจจะต้องเปลี่ยนเลนส์คู่ใหม่ที่เป็นตัวช่วยในการมองเห็นที่ดีขึ้นเช่น เลนส์ Progressive ที่ช่วยในการมองเห็นทั้งใกล้ และ ไกล ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีที่สุด


รูปแบบการใช้งานที่เพิ่มขึ้น (ใส่ออกแดดเยอะ , ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ , ใส่ขับรถ)


เป็นเรื่องของ Lifestyle ที่เพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น เลนส์เดิมเป็นแค่เลนส์ Single Vision ที่เอาไว้ใช้งานทั่วไปแต่ด้วยกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้นเลนส์แบบทั่วไปก็คงไม่เพียงพอ และ ไม่ตอบโจทย์การใช้งานจึงมองหาเลนส์คู่ใหม่เพื่อรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น เช่น การมีกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยๆ ก็ควรจะอัพเกรดจากเลนส์ทั่วไปเป็นเลนส์ Transition ที่เปลี่ยนสีเข้มขึ้นเวลาเจอรังสี UV ทำงานกับคอมพิวเตอร์ เล่นโทรศัพท์มือถือ แท๊บเล็ตบ่อยครั้งก็ควรจะอัพเกรดเป็นเลนส์บลูที่ช่วยป้องกันแสงสีฟ้า หรือ ชอบการขับรถก็ควรจะเลือกอัพเกรดเลนส์ Drive Safe ที่มีคุณสมบัติ


กรอบแว่นตาเสื่อมสภาพ หรือ อยากเปลี่ยนแว่นใหม่


กรอบแว่นตาอันเดิมหมดอายุการใช้งาน เกิดชำรุด หัก หรือ อยากได้แว่นอันใหม่ ทุกครั้งที่เราเปลี่ยนแว่นใหม่เราจะต้องตัดเลนส์อันใหม่ด้วย เพราะเลนส์คู่เดิมจะไม่สามารถนำมาใช้กับกรอบแว่นอันเก่าได้นอกจากเป็นกรอบรุ่นเดียวกัน หรือ มีลักษณะใกล้เคียงกัน ซึ่งในกรณีของกรอบแว่นรุ่นเดียวกันสามารถใช้เลนส์ใส่ให้ได้พอดีเป๊ะๆ แต่ถ้ากรอบแว่นอันใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกับของเดิม ช่างจะต้องปรับแต่งเจียรมุมเลนส์เพื่อให้ใส่กับกรอบอันใหม่ได้ กรณีนี้สามารถใช้ได้แต่ไม่ 100% เพราะองศาระยะการมองของเลนส์แต่ละอันจะค่อนข้างฟิกกับกรอบแว่นอันแรกเป็นหลัก จึงเป็นโอกาสที่ดีไหนๆ ก็เปลี่ยนกรอบแว่นอันใหม่ที่ช่วยปรับบุคลิกแล้วลองเลือกเลนส์คู่ไหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานเพิ่มขึ้นด้วยเลย ซึ่งช่วยให้การมองเห็นชัดขึ้น รายละเอียดดีขึ้น และ ใช้แล้วแฮปปี้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย







bottom of page